ฟันร้าว (cracked tooth)
มักพบในผู้ป่วยที่มีการสึกบน ด้านบดเคี้ยวของฟัน
ค่อนข้างมาก หรือฟันและฟันล่างสบกันลึก ปุ่มฟันจะชันและแหลม หรือในผู้ป่วยที่นอนกัดฟัน
หรือมีประวัติชอบเคี้ยวอาหารกรอบๆ หรือแข็ง
เคลือบฟันสึกค่อนข้างมากเหลือเป็นชั้นบางๆ เมื่อใช้เคี้ยวอาหารบ่อยๆ
ทำให้เกิด รอยร้าวในชั้นเคลือบฟันและลุกลาม เข้าไปในชั้นเนื้อฟัน
พบบ่อยในฟันกรามล่างและฟันกรามน้อยบน
ซึ่งต่างจาก
ผิวเคลือบฟันร้าว (craze line) เกิดรอยร้าวเฉพาะในเคลือบฟันจะไม่มีอาการเสียว
หรือปวดแต่ถ้าลามลึกไป
ถึงชั้นเนื้อฟันจะมีอาการเสียว
หรืออาจปวดถ้ารอยร้าวไปถึงเนื้อเยื่อใน
ทั้งนี้เพราะ มีช่องทางติดต่อกับ ภายในช่องปาก ทำให้เกิด irreversible pulpiti ปรกติผู้ป่วยมักมาพบทันตแพทย์ด้วยอาการปวดเวลาเคี้ยวอาหาร
โดยเฉพาะเวลากัดย้ำและปล่อย
หรือเสียวเวลาทานของเย็นซึ่งเป็นอาการของ cracked tooth syndrome เนื่องจากภาพรังสีของฟันร้าวในระยะที่เริ่มมีอาการปวดหรือเสียว
จะไม่พบการ เปลี่ยนแปลงของ เนื้อเยื่อรอบปลายราก เคาะไม่เจ็บ จึงทำให้ยากต่อการวินิจฉัย
ตลอดทั้ง รอยร้าวก็เห็นไม่ชัดเจน
การใช้สี methylene blue ทาฟันบริเวณที่สงสัยว่าเกิดรอยร้าวโดยทาแล้วล้างจะช่วย
ให้เห็นรอยร้าว ติดสีเข้มชัดเจนขึ้น หรือ ให้ผู้ป่วยลองกัดย้ำบนม้วนสำลี
tooth slooth หรือไม้ตรง ตำแหน่งฟันที่สงสัยว่าร้าวเพื่อลอกเลียนอาการปวดที่ผู้ป่วยเคยมี
ถ้าตรวจแล้วพบว่ามีรอยร้าวร่วมกับประวัติอาการปวด เฉพาะเมื่อเคี้ยวอาหาร
หรือเวลาทานของร้อนของเย็นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ซึ่งเป็นลักษณะอาการของ reversible pulpitis ก็จำเป็นต้องรักษาคลองรากฟัน
โดยก่อนเริ่มเปิดรักษาจะต้องใส่ band หรือครอบฟันชั่วคราว
และเปิดรักษาคลองรากฟันผ่านครอบฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้รอยร้าวบนฟันแยกและแตกร้าวเพิ่มขึ้น
ควรใช้วัสดุอุดประเภท dentine bonding system
แล้วทำครอบฟันด้วยวัสดุที่ยืดหยุ่นได้ค่อนข้างมาก ได้แก่ preciousalloy เช่นทอง
ในกรณีที่รอยร้าวลงไปลึก และเกิดโรคปริทันต์ร่วมในภายหลัง
ฟันซี่นั้นก็อาจจำเป็นต้องถอนในที่สุด ดังนั้นฟันที่มีรอยร้าวถึงแม้จะได้รับ
การรักษาคลองรากฟันแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าฟันซี่นั้นจะคงอยู่ได้ตลอดไป
ในกรณีที่รอยร้าวเกิดขึ้นเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รักษา
รอยร้าวจะลามถึงรากฟัน ทำให้ฟันแยกออกเป็นสองส่วนเรียก " split tooth"
อาจมีทางเปิดหนองและภาพรังสีมีรอยโรคเป็นเงาโปร่งรังสีรูป J-type เหมือนรากฟันแตก |